อุทยานแห่งชาติคลองพนม อยู่ในท้องที่ตำบลคลองศก ตำบลพนม และตำบลพลูเถื่อน และตำบลพนม อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูนบางแห่งมีหน้าผาสูงชัน และสวยงามมาก เรียงรายสลับซับซ้อนเชื่อมต่อกันเป็นแนวสันเขา มีฝนตกชุกตลอดปี เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำตาปี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญสายเดียวของจังหวัดสุราษฎร์ธานี สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าดงดิบที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีจุดเด่นที่น่าสนใจเช่น ถ้ำแก้ว ถ้ำน้ำลอดเขาวงก์ น้ำตกโตนไทร น้ำตกเขาวงก์ ไผ่เฉียงรุน บัวผุด การล่องแก่งฯลฯ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งพันธุ์ไม้มีค่าและหายากขึ้นอยู่ เช่น ตะเคียน ตาเสือ จิก เขา กระท้อน ขนุนป่า เสียดช่อ อินทนิล นากบุด หงอนไก่ จำปาป่า เป็นต้น มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 256,500 ไร่ หรือ 410.4 ตารางกิโลเมตร
ท่องป่า ไปดู ดอกบัวผุด อุทยานแห่งชาติคลองพนม
ลักษณะภูมิประเทศ สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของเนื้อที่ โดยเฉพาะตอนเหนือของพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูน บางแห่งมีหน้าผาสูงชัน และสวยงาม เรียงรายสลับซับซ้อนเชื่อมติดต่อเป็นแนวสันเขา ยาวจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก จุดสูงสุดจากพื้นอยู่บริเวณตอนกลางของพื้นที่ มีความสูงประมาณ 870 เมตรจากระดับน้ำทะเล พื้นที่ราบมีอยู่ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นที่ราบระหว่างหุบเขา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 200 เมตร ปรากฏอยู่ทั่วไป เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของคลองพนมและคลองศก ซึ่งจะไหลไปรวมกับคลองแสงเป็นต้นกำเนิดของคลองพุมดวงที่เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำตาปี
ลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะภูมิอากาศของป่าแห่งนี้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับแห่งอื่น ในภาคใต้ของประเทศไทย คือ มีฝนตกชุกตลอดปี ประกอบกับได้รับอิทธิพลของทะเล ซึ่งสามารถรับลมมรสุมได้ทั้งลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และอิทธิพลของภูเขาสูงที่เป็นสิ่งกีดขวางลมมรสุม มีป่าไม้ปกคลุมอย่างหนาแน่น จึงทำให้ฝนตกมากกว่าในท้องที่ทั่วๆ ไป ซึ่งสามารถจำแนกได้ชัดเจนเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูฝนเริ่มจากเดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม ฤดูร้อนเริ่มจากเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน โดยมีฝนตกชุกมากที่สุด ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม และมีอากาศร้อนมากที่สุดในต้นเดือนเมษายน
พืชพรรณและสัตว์ป่า สภาพป่าทั่วทั้งพื้นที่มีสภาพเป็นป่าดงดิบ อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้มีค่านานาชนิดขึ้นคละปะปนกันอยู่อย่างหนาแน่น ไม้ขนาดใหญ่ ได้แก่ โดแหลม ตะเคียน ยาง ตาเสือ หงอนไก่ กระบาก กระท้อน จิกเขา ขนุนป่า มะม่วงป่า เสียดค่าง อินทนิล นากบุด ลำแพนเขา มังคะ จำปาป่า ยมหอม ฯลฯ พืชพื้นล่าง ได้แก่ ไผ่ ระกำ หวาย เต่าร้าง กูด เฟิน ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบไม้เถานานาชนิดขึ้นอยู่ทั่วๆ ไป มีความชุ่มชื้นเขียวชอุ่มตลอดปี จากการสำรวจโดย ดร.เต็ม สมิตินันทน์ พบว่า มีพันธุ์ไม้ที่หายากบางชนิด ได้แก่ ตะเคียนชันตาแมว และไม้ยวนแหล เป็นเขตกระจายพันธุ์ของพันธุ์ไม้ทั้งสองชนิด
นอกจากนี้ยังสามารถพบ บัวผุด ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้หายาก ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นกาฝากชนิดหนึ่งอาศัยกินน้ำเลี้ยงจาก “ย่านไก่ต้ม” เมื่อบานเต็มที่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางวัดได้ 80 เซนติเมตร จนถึง 1 เมตรเศษ โดยมากดอกบัวผุดจะบานในช่วงเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม เตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาชมความสวยงามของดอกบัวผุด ให้ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของอุทยานฯ อย่างเคร่งครัด และขอให้ระมัดระวังในการเดินดูดอกบัวผุด เพราะหากเหยียบปุ่มตาของบัวผุดที่ติดอยู่กับเครือเถาวัลย์ ย่านไก่ต้ม “ดอกบัวผุด” ดอกนั้นก็จะตายและสูญพันธุ์ ไม่มีโอกาสเจริญเติบโตขึ้นมาอีก ดังนั้น ขอให้นักท่องเที่ยวทุกคนเก็บเอาแต่ภาพและความประทับใจกลับบ้าน โดยทางอุทยานฯ จะจัดเจ้าหน้าที่เพื่อแบ่งนักท่องเที่ยวออกเป็นชุดๆ ละ 12 คน มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เป็นผู้นำทาง เพื่อป้องกันการทำลายดอกบัวผุด หากมีการผ่าฝืนกฎข้อบังคับของอุทยานฯ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
นอกจากดอกบัวผุดแล้ว ยังพบ ไผ่เฉียงรุน ซึ่งเป็นไม้ไผ่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสำรวจพบในประเทศไทย มีเส้นรอบวงประมาณ 60-80 เซนติเมตร ขนาดลำต้นยาวประมาณ 30-40 เมตร ความหนาของเนื้อไม้ประมาณ 1 นิ้วฟุต ไผ่เฉียงรุนจะไม่ขึ้นปะปนกับไม้ไผ่ชนิดอื่น จะอยู่เป็นหมู่ๆ กอละ 20-30 ลำ สำรวจพบอยู่บนพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ บน “เขาพรุชิง”
เนื่องจากสภาพป่าแห่งนี้ มีสภาพที่อุดมสมบูรณ์ จึงมีสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด สัตว์ป่าที่สำคัญ ได้แก่ ช้างป่า กวางป่า สมเสร็จ เสือ หมี เลียงผา หมูป่า ชะนี ลิง ค่าง ไก่ฟ้า กระรอก เก้ง กระจง นกนานาชนิด และสัตว์เลื้อยคลานชนิดต่างๆ
ข้อมูลและภาพ : dnp.go.th / wiki / 2g.pantip.com / bloggang.com
เรียบเรียงโดย Travel MThai
เรียบเรียงโดย Travel MThai